25.12.16

Schritt 8: ณ สถานทูตเยอรมัน (ตอนที่ 2)

สวัสดีครับผม :) ตอนนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดี เหมาะแก่การเขียนบล็อก เพราะกำลังอยู่ช่วงคริสต์มาสพอดี (เกี่ยวมั้ย 555) ได้หยุดกันประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อนๆหลายคนที่ STK ก็กลับบ้านกัน ใจจริงก็แอบรู้สึกอิจฉา บางคนนี่ลากกระเป๋ามาโรงเรียน แบบว่าเตรียมพร้อมมาก เรียนเสร็จตรงไปสถานีรถไฟเลยทีเดียว แต่สำหรับคนเอเชียอย่างเราๆเนี่ยะสิ ค่าตัวเครื่องบินมันแพง แถมใช้เวลาเดินทางนานอีก รู้สึกไม่คุ้ม แถมมาอยู่ทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตที่นี่ ให้มันเต็มที่หน่อย แต่จะอยู่แต่ Karlsruhe คนเดียว เหงาๆ ก็กระไรอยู่ (ประเด็นคือ จะไม่ค่อยนอยด์ ถ้ายังมีคนอื่นอยู่ที่นี่ไง แต่เล่นถามใครก็กลับบ้าน ไม่ก็ไปเที่ยวซะหมด) ซึ่งตอนนี้ กำลังอยู่บนรถ Flixbus เดินทางไป Kiel เพื่อไปหาป้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมงได้ (แทบจะเหมือนบินกลับไทยอยู่ละ 555) แถม Flixbus มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรีด้วย เลยจัดไป มาอัพเดตกันซักหน่อย ซึ่งถ้ามีโอกาส จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับ รถไฟ รถบัสระยะไกล (คือไม่ยากเรียกรถทัวร์อะ มันฟังดูเชยๆยังไงไม่รู้ 55) ว่ามันมีข้อดีข้อเสียยังไง แต่ว่าตอนนี้ กลับเข้าเรื่องของเราก่อนดีกว่า part 2 ของสถานทูตเยอรมัน ที่เราไปจะประสบพบเจอมา...

เมื่อได้เวลาตามนัดเพื่อไปสัมภาษณ์ ก็เตรียมเอกสารเรียบร้อย ที่เคยพูดไปเมื่อบทที่แล้ว ซึ่งไปถึงก่อนเวลา เลยนั่งรอโง่ๆด้านนอก นั่งไปจนเกือบจะถึงเวลา ก็เดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่ พี่เค้าบอกให้เราเข้าไปกดบัตรคิวด้านในเลย เพราะวันนี้คนไม่ค่อยเยอะ (รู้อย่างงี้ ไปถามพี่เค้าตั้งนานละ มีคนแซงเราไปไม่รู้เท่าไหร่ - -' แนะนำให้ลองถามดูเลย ไม่เสียหลาย เน้อะๆๆๆ) พอมาถึงช่วงสัมภาษณ์ เรากลับชิวๆ แทบไม่ได้ถามอะไรเลย (สงสัยเพราะมีพ่อเยอรมันเป็น Back up ไปกับเราด้วยมั้ง 55) เลยไม่รู้จะเขียนอะไรดี พาร์ทนี้เลยอาจจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ก็ได้แต่แนะนำว่า เตรียมเอกสารให้ดีที่สุดละกัน อย่างตอนกรอกใบ National Visa มีข้อนึงที่ไม่มั่นใจ ก็เว้นเอาไว้ ถ้ามีปัญหา เค้าก็จะบอกเราให้เขียนเพิ่มหรือแก้เอง จากนั้นก็ต้องจ่ายตังค์ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์(สรุปแล้ว เรื่องการยื่นเอกสารขอวีซ่าครั้งนี้ เป็นครั้งเดียวที่ไม่ต้องไปรอบ 2 แหละ ดีใจโคตร 555) แล้วก็กลับบ้านนอนรอ 3 สัปดาห์ กับอีก 2 วันทำการ หรือจนกว่าจะมีคนโทรมา

วาร์ปเวลาผ่านไป ไม่มีใครโทรมา แปลว่าวีซ่าไม่มีปัญหา ไปรับได้เลย คราวนี้ต้องมีตั๋วเครื่องบิน กับประกันสุขภาพไปด้วย ตั๋วเครื่องบิน ใช้เที่ยวเดียวก็ได้ และ ประกันสุขภาพ ใช้อย่างต่ำ 6 เดือน (ตอนนั้นไม่รู้ เลยเอาไปแค่ 3เดือน ปรากฎว่า เค้าบอกไม่ได้ เดี๋ยวนี้จะออกวีซ่า 6 เดือนแล้ว เนื่องจากมีผู้ลี้ภัยที่เยอรมันเยอะ ตม.ที่นู้นงานยุ่ง เดี๋ยวเราจะต่อวีซ่าไม่ทัน สรุปแล้ว เลยต้องไปรอบ 2 เห้อ ~ ~) ที่สำคัญคือ เมื่อเราเหยียบพื้นที่นู้นเมื่อไหร่ ประกันต้องครอบคลุมทันที เพราะฉะนั้น สมัครประกันให้พอดีหละ
และพอยื่นเอกสาร กับ passport เรียบร้อย ก็มารับวีซ่าได้ช่วงสายๆ (แต่ก็ต้องมายื่นเช้าๆนะ) สรุปแล้ว วันนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย มีความสุขมาก เพราะในที่สุด หลังจากฟันฝ่าปัญหาเอกสารต่างๆมากมาย สงครามนี้ก็ได้จบซักที :D
อวดของตัวเอง หน้าตาเป็นอย่างงี้ 555

ตั๋วเครื่องบิน ชอบเจ้าไหน ก็เลือกเลยตามใจ ตั๋วเราซื้อไปเที่ยวเดียว (ถ้าใครคิดว่ามีแผนจะกลับ หรือราคาถูกกว่า ก็แล้วแต่สะดวกเลย ไม่มีปัญหา) เราบินกับ Emirates มี Transit 1 ครั้งที่ Dubai ได้มีเวลายืดเส้นสาย ไม่ต้องขลุกอยู่แต่เครื่องบิน ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์คนอะเนอะ ใครชอบบินตรง ก็จัดไปได้ เดี๋ยวนี้มีสายการบินดีๆเยอะ อย่างการบินไทย หรือของ Eurowings (บริษัทลูกของ Lufthansa) หรือแม้แต่การบินไทย ราคากำลังดี ไม่แพงเกิน

ประกันสุขภาพ (Krankenversicherung) จะเริ่มต้นจากของไทยก็ได้ ก็มีหลายเจ้าอยู่ที่สถานทูตยอมรับ (ดูรายชื่อได้ที่หน้าเว็บไซต์) แต่เราใช้ของเยอรมันตั้งแต่ตอนยื่นวีซ่าเลย เป็นของ Care Concept รูปแบบ Care College สำหรับนักเรียนภาษา หรือ STK ที่ไม่สามารถใช้ประกันของรัฐได้ (gesetzliche Versicherung) ซึ่งราคากำลังดี ไม่แพงจนเกินไป ไม่ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมอะไรเลย และยิ่งถ้าไปหาหมอที่เยอรมัน การมีประกันจากเยอรมันเอง ก็ไม่ยุ่งยากมากกว่าด้วย สมัครได้ง่ายๆผ่านหน้าเว็บไซต์ แค่ 1 นาทีก็จะได้ E-Mail ยืนยันแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิดจริงๆ
แต่มีข้อแม้อยู่ว่า นับตั้งแต่เดือนที่ 19 ราคาจะพุ่งกระฉูดหน่อย แค่นั้นเอง (ก็พยายามอย่าสอบตกซ้ำชั้น คงไม่มีปัญหาอะไร) และบัตรประกันจะส่งให้ทางไปรษณีย์ เฉพาะที่อยู่ในเยอรมันเท่านั้น แต่เอกสารอื่นๆ จริงๆก็ส่งมาทางเมลล์อยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร

ประกันความรับผิดชอบและอุบัติเหตุ (Haftpflicht- und Unfallversicherung) ประกันนี้ไม่จำเป็น แต่มีไว้ก็ดีนะ... ซึ่งอุบัติเหตุ ก็น่าจะเข้าใจกันอยู่แล้วแหละ แต่ประกันความรับผิดชอบนี่สิ คืออะไร!? อาจเป็นเพราะคนเยอรมัน น่าจะเป็นคนไม่ชอบอะไรที่มีความเสี่ยง ทุกอย่างอยู่ในแบบแผนหมด ประกันรับผิดชอบนี้ ตัวอย่างเช่น เราทำโทรศัพท์เพื่อนตก อยู่ที่ไทยเราอาจไม่ต้องซ่อมให้เพราะเพื่อนใจดี (555 ล้อเล่นนะๆ) เราอาจต้องจ่ายเค่าซ่อมเอง ยิ่งiphone คงแพงหูฉี่ แต่ถ้าเรามีประกันนี้ ก็ให้ประกันจ่ายแทนให้ หรือถ้าเราอยู่ WG แล้วทำกุญแจประตูบ้านหาย บอกก่อนว่ากลอนประตูที่นี่บางครั้งแน่นหนา จนกุญแจปั๊มเอาไม่อยู่ เราก็จำเป็นต้องซื้อกลอนประตู พร้อมกุญแจให้กับเพื่อนๆใหม่ยกเซ็ท ทีนี่เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเองทั้งหมด เพราะเรามีประกันอยู่แล้วนั่นเอง

ตอนแรกพูดเรื่องการขอวีซ่า ไหงตอนจบมาเป็นเรื่องประกันได้ ก็ไม่รู้ 555 เอาเป็นว่า กับ 8 บทที่ผ่านมา อันแสนยาวนาน บางคนอาจจะคิดว่ามันเย่นเย้อไปไหน สไตล์การเขียนอาจจะน่าเบื่อ มุขบางมุขอาจจะแป๊ก เพราะปกติเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกะใครๆเท่าไหร่ เลยเขียนหรือใช้คำไม่ค่อยเก่ง แต่นี่คือความตั้งใจ ที่พยายามจะแชร์ประสบกาณ์ทั้งหมด เท่าที่เป็นไปได้ เพื่อช่วยเหลือ และคลายข้อสงสัยที่ตัวเราเองเคยมีมาจนถึงขั้นได้วีซ่า ต่อไปนี้ ก็ไม่ต้องไปสถานทูตอันแสนน่ารักอีกแล้ว นอนอยู่บ้านสบายใจ แต่หนทางนั้น แน่นอนยังไม่จบง่ายๆ เอาไว้มาต่อบทหน้า ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนละ ขอบคุณที่ติดตามครับ :)

No comments:

Post a Comment