6.3.17

Schritt 10: ช่วงเวลา เปลี่ยนชะตาชีวิต (ตอนที่ 1)

สวัสดีครับผม ช่วงนี้รู้สึกตัวเองหายหน้าหายตาไปนาน สปีดการเขียนเริ่มตกถึงขั้นฉุกเฉินเลยทีเดียว จากที่สัญญาไว้ อย่างช่วงแรกเขียนอาทิตย์ละครั้ง เปลี่ยนมาเป็น 2 อาทิตย์ครั้ง แล้วก็เดือนละครั้ง จนถึงปัจจุบันเป็น 2 เดือนครั้ง 555 ต้องขอโทษอย่างสุดซึ้ง ที่จริงเดือนที่แล้วก็เขียน Schritt9 ภาคภาษาอังกฤษไป อาจดูเหมือนไม่มีอะไหร่ใหม่ๆเนอะ และหลังจากนั้นที่จริงในหัวก็มีหลายเรื่อง แต่เริ่มไล่ไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไรต่อดี หรือเรื่องอะไรก่อน จนมาถึงวันนี้ ก็ต้องหาเรื่องมาเขียนให้ได้อะนะ ไม่งั้นเดี๋ยวบล็อกจะเน่าไปก่อนจริงๆ
และใจจริงอยากจะเขียนให้ละเอียดแบบทุกขั้นไปเลยนะ เพราะหลังจากเตรียมตัวสอบ ก็ต้องเตรียมของ เก็บกระเป๋า แล้วก็รีวิวตอนนั่งเครื่องบิน ถึงสนามบิน แต่คิดไปคิดมา มันคงไม่น่าสนใจอะมั้ง เลยขอข้ามละกันเนอะๆๆๆ และจะมาพูดถึงประสบการณ์ การสอบเข้า STK ณ ประเทศเยอรมนี แห่งนี้ นี่เองงงงงงง

ย้ำอีกครั้ง ว่าบล็อกอาจไม่ค่อยมีรูปภาพประกอบเยอะแยะ อลังการ เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปอะไรเท่าไหร่ ถ่ายแบบมือโปรไม่เป็น กล้องไม่มี ใช้มือถือเอา แม้บางเมืองที่ไปเที่ยว ยังไม่ถ่ายซักรูปเลย 55 และถ้าไม่ตั้งใจจะเขียนบล็อกนี่ รูปคงไม่มีในกล้องเลยก็เป็นได้ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ T T

ตัวอย่างภายในเครื่อง A380 (รูปไม่ได้ถ่ายเองนะ จิ้กเค้ามาจากเน็ต 555)
แต่ก็ขอเกริ่นซักนิดละกัน อิอิ เราบินมากับสายการบิน Emirates ช่วงครึ่งแรกด้วย A380 ที่เค้าว่าใหญ่ที่สุดตอนนี้ เครื่องเงียบจริงๆ จอก็ใหญ่ได้ใจแบบ HD อีกตังหาก แฮปปี้มาก แต่มีอยู่แค่อย่างเดียวที่ไม่ชอบคือ ปลั๊กเสียหูฟังมันอยู่ตรงข้างๆรีโมทตามภาพ ไม่ได้อยู่ตรงข้างๆที่นั่งหนะสิ เกะกะเวลาจะกินข้าว คนเดินผ่านก็ต้องถอดเข้าๆออกๆ ข้อเสียคิดออกอย่างเดียวจริงๆ ส่วนครึ่งหลัง หลังจาก transit ที่ดูไบ มาด้วยเครื่อง B777-300ER ดูเหมือนคนละโลกกับเครื่องก่อนหน้า เล็กกว่าทุกอย่าง แต่ก็อะนะ ทนๆอีกไม่กี่ชม. ก็ผ่านมาได้ และถึงสนามบิน Frankfurt โดยสวัสดิภาพ รวมเวลาเดินทางประมาณ 15ชม. กำลังดีเลย (ถ้า Direct flight ก็ประมาณ 11 ชม. ซึ่ง Emirates ไม่มีอยู่แล้วเนอะๆ)

วาร์ปมาถึงวันที่สำคัญที่สุดของการมาเยอรมันครั้งนี้ ซึ่งที่แรกเป็นการสอบของ KIT วันที่ 1 กันยายน ซึ่งเราเป็นรอบ Wintersemester มันเหมือนเทอมหลักของที่เยอรมัน ในที่นี้หมายถึง ทุกคณะจะเปิดรับช่วงนี้หมด ทำให้รอบนี้คนสอบเยอะเป็นธรรมดา ถ้าให้ประมาณ ก็คง 600 คนบวกๆ ซึ่งรับในรอบนี้ประมาณ 70-80 คน ก็รับประมาณ 10% ได้แหละ ซึ่งรอบ Sommersemester มหาลัยจะเปิดรับเฉพาะบางคณะ STK ก็เลยรับน้อยเข้าไปอีก (คนสมัครก็จะน้อยกว่าด้วยแน่นอน) แต่ไม่ว่าคนจะเยอะแค่ไหน ถ้าเก่งจริง ยังไงก็ติด ไม่ต้องกลัว มันคือสัจธรรมอยู่แล้ว (พูดเหมือนชมตัวเองอยู่นะ 555)

ลืมไปแล้วด้วย ว่าเคยถ่ายไว้รูปนึง 555
เป็นช่วงก่อนสอบเลข คนต่อแถวรอเข้าห้องล้นไปถึงข้างนอกเลย พ่อแม่ที่มาส่งก็มีเยอะอยู่
ช่วงแรก สอบเลขประมาณ 9 โมงมั้ง อย่าลืม Passport(ซึ่งคงไม่มีใครไม่เอาไปหรอกมั้ง) กับใบ Vormerkung ที่ได้มาช่วงสมัครสอบ(ที่มีเราโง่ไม่เอาไป แต่ก็โชคดีที่โชว์ผ่านมือถือให้เค้าดูได้ สุดท้ายก็ได้เข้าห้องสอบ) ในเว็บเขียนไว้ 30 นาที สอบจริงเค้าให้มา 45 นาที แต่เพราะความที่คนเยอะ เหมือนหอประชุมใหญ่ และเรานั่งกลางๆ เค้าเริ่มจับเวลาแล้ว ยังแจกกระดาษไม่ถึงเราเลยด้วยซ้ำ T T พอได้ข้อสอบมา อยากจะบอกทุกคนว่า ข้อสอบไม่คล้ายกับในตัวอย่างในเว็บที่ฝึกมาเลย!! ช้อกมาก อุตส่าห์ท่องสูตรดิฟ/อินทิเกรตมหาลัย สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ซักข้อ (ข้อไหนที่ควรทำได้ หรือไม่ออกสอบ ก็ให้ย้อนกลับไปดูที่เฉลยที่บทที่แล้วนะ เขียนไว้หมดละ) สรุปคือ ตามตัวอย่าง ความยากอยู่เลเวลนั้น ถ้าทำได้หมด เจอของจริงก็ผ่านชัวร์ๆ (เน้นว่าความยากนะ เพราะข้อสอบอาจถามไม่เหมือนในตัวอย่างเป๊ะๆ ไปพลิกแพลงในห้องสอบอีกทีละกัน) แต่สุดท้าย ก็ทำไปได้แค่ 3ใน4 (ยังไม่รวมข้อที่อาจคิดผิดด้วยนะ) เพราะสอบจริง มีโจทย์ปัญหาด้วย (เรียกถูกป่าวไม่รู้ 555 คือเราหมายถึงโจทย์ที่เป็นข้อความอะ ไม่ได้มีแต่ตัวเลขกับรูปภาพ) ซึ่งศัพท์เยอรมันยังไม่ค่อยรอด เอาศัพท์เลขมาอีก ทรงกรวยยอดตัด จุดตัดแกน อะไรไม่รู้ ตอนนั้นยังแปลไม่ออก แล้วพอหมดเวลา เค้าให้วางปากกา คนข้างๆเรา ยังนั่งคิดต่ออยู่เลย จนเค้าเดินมาเก็บ ยังไม่โดนว่า และบางคนต้องนั่งห่าง บางคนนั่งติดกันได้ จะตุกติกถามคนรู้ข้างๆก็มี สรุปแล้ว ออกแนวไม่ค่อยมีระเบียบเท่าไหร่ แต่ก็อะนะ คนจะผ่าน มันก็ผ่านอยู่วันยังค่ำ (อวยตัวเองอีกรอบ 555)

ช่วงหลัง สอบเยอรมัน เป็นข้อสอบ onDaF ในห้องคอม ได้เวลาสอบไม่พร้อมกัน เราได้สอบช่วง 2 ก็มีเวลาพักซักแปป แล้วก็อยากให้เป็นอุธาหรณ์ เพราะมีคนไปถึงช้า เค้าไม่ให้เข้าสอบเลย โหดจริงๆ ตัวอย่างข้อสอบก็กลับไปดูได้ที่ บทที่แล้วเช่นเคย อิอิ ซึ่งสอบเสร็จ ก็รู้ผลเลย เราได้ประมาณ 66% (ระดับ B2) แปลว่าเยอรมันผ่านชัวร์ รอผลเลขอย่างเดียว ซึ่งตอนนั้นหวั่นมาก ซึ่งเดาว่าถ้าได้คะแนนระดับ B1 เป็นต้นไป ก็คงไม่มีปัญหาแหละ
*** สำหรับที่นี่ ถ้าผ่านเกณฑ์ TestDaF หรือ DSH (ที่ระดับเทียบเท่า C1) ก็ไม่จำเป็นต้องสอบเยอรมัน และสามารถละเว้นวิชา Deutsch ได้ด้วย (มีคาบว่างไปอีกวันละ ชม.ครึ่ง) แต่สำหรับ Goethe-Zertifikat C1 เค้าไม่นับนะ เพราะฉะนั้นตอนสอบใบเซอร์เยอรมันก็คิดดีๆ TestDaF สอบGoethe ที่ไทยได้เหมือนกัน ***

จากนั้นก็ได้ไปเที่ยวเมืองที่ชื่อว่า Berchtesgaden ทางตอนใต้ของรัฐ Bayern ติดกับออสเตรีย สวยมากๆ มีภูเขาสูงอันดับ 3 ของเยอรมัน แล้วก็มีทะเลสาบ Königsee ที่ลึกเป็นอันดับ 3 ของเยอรมัน และภายในบริเวณทะเลสาบ จะมีน้ำตกที่สูงที่สุดของเยอรมันอีกด้วย เหมาะแก่การพักผ่อนจริง แล้วก็มีคำกล่าวนึงว่า "1000 คำพูด ก็ไม่เทียบเท่ากับ ภาพ 1 ภาพ" เพราะฉะนั้น เราไม่ไม่มีอะไรจะพูด ขี้เกียจหาประวัติของพื้นที่นี้ อยากรู้ไปดูเพิ่มเองนะ เอาภาพให้เลย ดูเอาเองละกัน เคยได้ยินมั้ย น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา (เอ๊ะ ยังไง!?)
ปล. รูปด้านล่าง ถ่ายเองหมดเลยนะ แต่จะฟินกว่านี้ ถ้าได้ไปสัมผัสเอง เชื่อสิ








และวันรุ่งขึ้น ก็เตรียมตัวเพื่อไปสอบครั้งที่ 2 ณ เมือง Leipzig แต่ทว่า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกแล้ว จะเศร้าแต่น้ำตาก็ไม่ไหล จะยิ้มก็ยิ้มได้ไม่สุด เกิดอะไรขึ้นนั้น ติดตามต่อบทหน้า วันนี้ขอตัวลาไปก่อน พรุ่งนี้เปิดเทอม 2 วันแรกซะด้วย ต้องขอตัวไปนอนก่อน ฝันดีครับทุกคน :)

No comments:

Post a Comment