17.5.17

Schritt 13: ที่ซุกหัวนอน ตอนที่ 2 (ประสบการณ์ตรง)

สุดท้ายก็ผิดสัญญา ไม่ได้มาเขียนตามที่นัดไว้ T T แต่ก็เอาเป็นว่าเรามาต่อกันที่เรื่องของ ที่พัก กันเลยดีกว่า ที่จริงตอนนี้อีกเดือนนิดๆก็จะสอบจบ STK แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มเล่าเลย ว่าระหว่างเรียนเป็นยังไง น่าจะอีก 2-3 ตอนได้มั้ง ไม่แน่ว่าพอสอบจบแล้วเพิ่งจะเริ่มเขียน ก็เป็นได้ 555

ประสบการณ์การหาที่พักของตัวเอง ก็อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่ตอนที่แล้ว Studentenwohnheim ของมหาลัย จองไปล่วงหน้าเป็นเดือน ก็เท่านั้นเลย เต็มอย่างเดียว ดูยังไง แววที่จะได้ไปตอนถึงที่นั้นเท่ากับ 0 ก็เลยต้องหาจากเว็บ wg-gesucht.de พยายามจะหาตั้งแต่ที่ไทย ถึงแม้เราจะเขียนแนะนำตัวเป็นภาษาเยอรมัน อ่านรายละเอียดที่เขาบอก ว่าต้องการรู้อะไรจากเรา ก็ไม่มีใครตอบกลับ พวกที่ตอบกลับ มีแต่มิจฉาชีพเท่านั้น เรียกได้ว่า ยิ่งหา ยิ่งท้อใจ สุดท้ายเลยต้องเอามาตายดาบหน้า หาห้องตอนอยู่ที่นี่เลย
เทคนิคที่อยากจะฝากเลย คือ เวลาหาห้องเหล่านี้ ยิ่งถ้าเป็นเมืองมหาลัย ช่วงใกล้ๆเปิดเทอมอีก แค่ลงไป 1 ชั่วโมง มั่นใจได้เลย ว่าต้องมีคนเขียนไปหาแล้วเป็น 10 คน เพราะความต้องการห้องมันสูงมาก ดังนั้น เวลาจะติดต่อ ห้องที่ประมาณว่าโพสไปเมื่อ 2-3 วันที่แล้วนี่ แทบจะลืมไปได้เลย มันไม่อยู่ให้เราแล้วแน่นอน
แหล่งหาห้องที่ดี อีกวิธีนึง ก็จะเป็นทางหนังสือพิมพ์ประจำเมือง รวมถึง เว็บไซต์และบอร์ดที่ Studentenwerkของทางมหาลัยเอง (อันนี้ปลอดภัยชัวร์ เพราะเค้าสกรีนมาแล้ว) หรือบอร์ดสาธาณณะ หรือบอร์ดตามอาคารมหาลัย ก็อาจพบได้เช่นกัน

พอมาถึงที่นี่ ได้จองห้อง hostel ไว้ประมาณ 5 วันได้มั้ง (Airbnb เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ตอนนั้นตัดสินใจช้าไปหน่อย เลยไม่มีห้องเหลือแล้ว เศร้า T T) ระหว่างนี้เป็นช่วงที่ลุ้นยิ่งกว่าตอนสอบเสร็จอีก ว่าจะติดรึเปล่า เพราะถ้าสอบไม่ติด ยังหาอะไรทำได้ แต่ถ้าไม่มีที่อยู่นี่ หนักเลย! เงินในช่วงนี้ ก็ต้องเป็นเงินแบบติดกระเป๋า เพราะถ้าใครยังจำได้ ว่าเราเคยเปิดบัญชี Sperrkonto เอาไว้ ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเราต้องไป activate ก่อน โดยเอกสารที่ต้องใช้ก็คือ ที่อยู่บ้านนั่นเอง เรียกได้ว่า เครียดสุดๆ บอร์ดมหาลัยตอนนั้น ก็มีห้องประมาณ 20-30 ห้องได้ แต่ราคาแต่ละห้องนี่ 400 ยูโรบวกๆ ต่อเดือน หรือบางทีเป็นห้องเปล่าอีก (วิธีติดต่อที่ได้ผลเร็วที่สุด คือการโทรศัพท์ และยิ่งตอนนั้น ด้วยภาษาอันแกร่งกล้าของเรา ทำให้ไม่กล้าโทรไป) สุดท้ายก็ไม่ได้ติดต่อไปซักที่

กลับมาถึงห้องพัก หาในเว็บต่อไป แต่ถึงแม้ตัวเองจะอยู่ในเมืองแล้ว แต่เมลล์มิจฉาชีพก็ไม่เคยลดละ ส่งเข้ามาอยู่นั่น จำได้ว่า น่าจะส่งประมาณ 10 ที่ ได้เมลล์ตอบกลับกลับมา 5 ที่ ซึ่ง 3 ที่นั้น ล้วนเป็นแต่พวกหลอกลวงหมดเลย ส่วนอีก 2 ที่ ที่ตอบกลับมานั้น เรียกได้ว่า มีความคล้ายคลึงกัน นั่นคืออยู่ขอบชายแดนเมือง แถมเป็นห้องใต้ดินด้วย! ลองนึกสภาพห้องใต้ดิน มึดๆ ครึมๆ หนาวๆ เหมือนในปราสาทร้าง... (เริ่มไม่ใช่ละ 55)

เขาให้นัดมาดูบ้านตอนเย็นๆ ทั้ง2ที่เลย ที่แรกพอไปถึงคนเดียว (ตอนนั้นยังไม่รู้นะ ว่าห้องเป็นยังไง ได้เห็นแต่รูปคร่าวๆ ยังไม่รู้ว่าเป็นชั้นห้องใต้ดินด้วยซ้ำ) ห้องก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เป็นบ้านที่เขามีพื้นที่ใต้ดิน ทำเป็นห้องแบ่งให้เช่า สำหรับ 4 คน โชคดีที่ห้องนี้มีหน้าต่างใหญ่ๆ สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ ไม่ใช่แค่หน้าต่างเล็กๆระบายอากาศ  ข้อเสียก็คือ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี เรียกได้ว่า อยู่กันแบบตัดขาดจากโลกภายนอก คล้ายๆ คุกยังไงยังงั้น เลยยังไม่ตกลงปรงใจอะไร ให้ความหวังกับที่ที่2 หวังว่าเราคงจะเจอห้องที่ดีกว่านี้ได้บ้างหละ

พอไปที่อยู่สำหรับห้องที่ 2 เป็นบ้านแล้วทำห้องใต้ดินเป็น WG เหมือนกัน ที่ต่างกันคือ ครั้งนี้มีเรา กับคนอีกคนนึง มาดูห้องพร้อมกัน ที่นี่เหมือนจะอยู่กัน 6-7 คนเลย ข้อดีคือ เหมือนมีพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ใช่เป็นแค่ห้องต่างคนต่างอยู่เหมือนที่แรก ดูคึกคักกว่ามาก แต่ห้องที่นี่ดูอึมครึม เล็กๆ อึดอัดหน่อย เลยลองเดินไปดูห้องน้ำ ห้องครัว และระหว่างที่กำลังพิจารณาอยู่นั้น เพียงแค่ 5 นาที หลังจากเดินเข้ามาได้ เจ้าของเขาก็เดินมาบอกมาบอกเราว่า ห้องนั้นมีคนเอาไปแล้วนะ เสียใจด้วย เราได้ถึงกับยืนอึ้งไป 3 วิ งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคนที่เอาห้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากไอคนที่มันมาดูห้องพร้อมกับเรานั่นแหละ พร้อมกับเสนออีกห้องนึงที่ไม่มีหน้าต่าง (ห้องที่ไม่มีหน้าต่าง แนะนำว่าไม่ควรจะอยู่เลยนะ เพราะอากาศจะไม่ถ่ายเท) และเขาบอกกับเราอีกว่า "เชื่อเถอะ ว่าสุดท้าย ไม่เกินพรุ่งนี้ก็มีคนเอาห้องนั้นไปแน่นอน มันเป็นอย่างงี้แหละ first come first serve" ทำให้สุดท้ายก็เลยตัดสินใจไม่เอาที่นี่ พร้อมกับเดินหน้าจ๋อยกลับไป อย่างงงๆ และได้ตรัสรู้ถึงความยากลำบาก และการแย่งชิงในการหาบ้านเลยทีเดียว
ตอนดึกๆกลับมา ก็ไม่มีใครลงประกาศให้เช่าห้องเพิ่มไปกว่าเมื่อเช้าเท่าไหร่ สุดท้ายเลยต้องจำใจ เอาที่แรกที่ไปดู 340 ยูโรต่อเดือน เป็น Warmmiete ถือว่าไม่ได้ถูกนะสำหรับเมืองนี้ แต่ก็ยังพอรับได้ พร้อมเข้าอยู่ได้เลย และโชคดีที่ห้องมีเครื่องซักผ้า เพราะร้านซักผ้าที่นี่ครั้งนึงก็ไม่ใช่ถูกๆเหมือนกัน

สุดท้ายแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์แบบว่านั่งสัมภาษณ์ระหว่างดูบ้าน เพราะห้องที่หาได้ ดูเหมือนจะเป็นบ้าน ที่มีเจ้าของบ้าน แล้วเขาแบ่งห้องแบบ WG ซึ่งเหมือนเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ด้วยกัน เลยไม่ได้สนใจจะสัมภาษณ์เราอะไรมากมาย จริงๆอาจเป็นโชคดีก็ได้นะ ที่ไม่ได้เจอสัมภาษณ์ ถามชีวิตส่วนตัวอะไรแบบนี้ เพราะส่วนตัวเป็นโรคกลัวการพูดกับคนเยอรมัน ไม่ได้กลัวคนนะ แต่กลัวพูดผิดมากกว่า ทว่าไว้ถ้าย้ายที่อยู่แล้วเจอเรื่องอะไรใหม่ๆ จะมาเขียนเพิ่มนะ :)
สรุปแล้ว ก็ได้มาเล่าเรื่องการหาบ้านให้ทุกคนได้อ่าน เห็นได้ว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยจริงๆ มาอยู่ที่นี่นอกจากเรื่องเรียนแล้ว มีอะไรให้ทำจุกจิกเยอะมาก และถ้าสมมติใครยังหาบ้านไม่ได้ ก็ลองถามเพื่อนๆ พี่ๆในกลุ่มfacebook สนทย.ก็ได้ เพราะอาจจะมีบางคนกำลังย้ายออกพอดีอย่างงี้ เป็นคนไทย ใช้เส้นกันนิดนึง ไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ย 555

ตอนหน้า ต่อเรื่องบ้านให้จบ คราวนี้เป็นเอกสารต่างๆเมื่อย้ายเข้า จะเจออะไร ต้องทำอะไร แต่อาจเป็นตอนสั้นๆ เพราะสัปดาห์แห่งการสอบระลอกใหม่กำลังจะมาอีกครั้ง เรียนที่นี่ยากจริงๆ จะบอกให้ T T

ปล. แต่ยังไง สุดท้ายรู้สึกแอบเซ็งนิดๆอยู่ดี เพราะหลายๆคน กลับหาที่อยู่ในตัวเมืองได้ สบายๆ ราคาก็ถูกกว่าอีก แต่ก็อะนะ ทำไงได้ 555 บอกตัวเองไปเรื่อยๆ ดีกว่านอนอยู่ Hbf จบ.

No comments:

Post a Comment